แป้งเด็กและใยหิน
แป้งเด็กและใยหิน
แป้งเด็กและใยหิน แป้งเด็กนั้นอาจจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอนามัยของเด็กที่อยู่มานานกว่าบรรดาของใช้เด็กอ่อนอีกหลายชนิด เชื่อแน่ว่าคุณพ่อคุณแม่ทุก ๆ ท่านคงจะคุ้นเคยกันดีกับการจับเจ้าตัวน้อยอาบน้ำแล้วประแป้งให้หอมฟุ้งไปทั้งตัว ไม่ใช่เฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนอบอ้าวเช่น ประเทศไทย แต่แป้งเด็กที่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ลดความอับชื้น ลดแรงเสียดทาน และให้ความรู้สึกสะอาดสดชื่นนี้ได้ครองใจคุณพ่อคุณแม่ทั่วโลกมาตั้งแต่เริ่มมีการผลิต ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1894 นับตั้งแต่วินาทีที่ออกวางตลาด…ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกต่างก็ตกหลุมรักผลิตภัณฑ์นี้
แป้งฝุ่นนั้นเริ่มแรกถูกผลิตขึ้นมาจาก แร่ทัลค์ (Talc) ซึ่งเป็นแร่ธาตุสีขาว มีความอ่อนตัวสูง และให้เนื้อสัมผัสที่ดีเมื่อนำมาบดเป็นผง เมื่อเป็นผงจะถูกเรียกว่า แป้งทัลคัม (Talcum Powder) ซึ่งสามารถดูดซับความชื้นและลดการเสียดสีได้ดี ทัลคัมบริสุทธิ์นั้นนับเป็นสารตั้งต้นในการผลิตแป้งเด็กมาตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ที่แป้งเด็กออกวางตลาด แต่แล้วบัลลังก์ความนิยมของแป้งเด็กก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อมีการตรวจพบว่าแป้งเด็กยี่ห้อดังเกิดการปนเปื้อนสารใยหิน ซึ่งจัดเป็นสารอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และเป็นสารก่อมะเร็งหลากหลายชนิดเมื่อสัมผัสและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนสารนี้เป็นเวลานาน นอกเหนือไปจากนั้น… ก็ยังเริ่มมีการรายงานถึงผลของทัลคัมต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากทัลคัมที่ผ่านการบดละเอียดนั้นมีน้ำหนักเบาและสามารถฟุ้งกระจายได้ดี และจากความเป็นแร่ธาตุอนินทรีย์ทำให้ย่อยสลายได้ยาก นำไปสู่การสูดดมฝุ่นผงทัลคัมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่นานหลังจากนั้น…สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาก็เริ่มออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการใช้แป้งที่ผลิตจากทัลคัม ทั้งในเรื่องของความไม่บริสุทธิ์ของสารประกอบ และผลข้างเคียงจากการสูดดม
ประเด็นในเรื่องของแป้งเด็กที่ผลิตจากแร่ทัลคัมยิ่งได้รับการตอกย้ำให้เกิดความตระหนักมากขึ้นไปอีก เมื่อเกิดการเรียกคืนแป้งเด็กจากบริษัทยักษ์ใหญ่ เนื่องจากตรวจพบการปนเปื้อนของแร่ใยหินที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค หลายต่อหลายครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ยังไม่รวมถึงการฟ้องร้องโดยผู้บริโภคที่ตรวจพบทั้งมะเร็งเยื่อหุ้มปอด (Mesothelioma) และมะเร็งรังไข่ (ovarian cancer) หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กที่ผลิตจากแร่ทัลคัมเป็นเวลานาน ส่งผลให้บริษัทชื่อดังต้องสูญเสียค่าชดเชยไปหลายล้านเหรียญสหรัฐ หลังเกิดเหตุที่ทำให้แป้งเด็กที่ผลิตจากทัลคัมต้องสงสัยว่าเป็นตัวการให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพต่าง ๆ กระแสการผลิตแป้งเด็กในสหรัฐอเมริการวมไปถึงทั่วโลกก็เริ่มหันเหไปหาสารอินทรีย์อื่น ๆ ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวของเด็กและมีความปลอดภัยมากกว่า มีการคิดค้นแป้งฝุ่นที่ผลิตจากพืชและสัตว์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นแป้งข้าวโพด ซึ่งมีราคาถูกในประเทศสหรัฐอเมริกาและมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับทัลคัม แป้งจากข้าวโอ้ต แป้งที่สกัดจากหม่อนไหม รวมไปถึงแป้งที่ผลิตจากข้าว ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติที่ย่อยสลายได้ ต่างจากเจ้าทัลคัมที่เป็นสารอนินทรีย์ และยังอ่อนโยนต่อทั้งระบบทางเดินหายใจและผิวหนังมากกว่า นอกจากนี้ ยังไม่สะสมก่อให้เกิดมะเร็งในอนาคตอีกด้วย
แป้งจากข้าวนั้นถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ในการประทินผิวและควบคุมความมันกันมาตั้งแต่โบราณ ในประเทศแถบเอเชียที่การผลิตข้าวนับเป็นเกษตรกรรมหลักของคนส่วนใหญ่ การนำแป้งข้าวเจ้ามาใช้ ไม่ว่าจะเพื่อการพอกบำรุงผิวหน้าเพื่อให้ความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย หรือการนำมาผัดหน้าเพื่อประโยชน์ในการควบคุมความมันนั้น นับว่าเป็นเคล็ดลับที่อยู่คู่กับหญิงสาวชาวเอเชียมานานหลายทศวรรษ ถือว่าเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพการคงความแห้งสบาย ไม่อับชื้น และความอ่อนโยนต่อผิวพรรณของแป้งข้าวเจ้าได้เป็นอย่างดี
ประเทศในเอเชียนั้นล้วนแต่ผลิตข้าวได้ไม่น้อย แต่ประเทศที่สามารถผลิตข้าวคุณภาพดีได้นั้นมีไม่มากนัก ประเทศไทยเองนับว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของการผลิตข้าวเพื่อส่งออกให้ทั่วโลก และแน่นอนว่า…ข้าวในประเทศไทยจัดว่าเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี ไม่เพียงแต่ดีพอสำหรับการนำมาประกอบอาหารเท่านั้น แต่ยังมีคุณภาพในระดับที่เพียงพอต่อการนำมาพัฒนาเป็นแป้งคุณภาพดีที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยของเด็กอ่อนอีกด้วย
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว…คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจต่อทั้งความสะอาดสดชื่นของลูกน้อย และมองไกลไปถึงสุขภาพในระยะยาว ก็คงจะได้ไอเดียในการเลือกแป้งเด็กให้เหมาะกับเจ้าตัวเล็กแล้วนะคะ
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก https://www.healthtodaythailand.in.th/