แป้งทัลคัมที่เราเห็นอันตรายจริงหรือไม่แล้วทำไมถึงไม่ปลอดภัย

แป้งทัลคัมที่เราเห็นอันตรายจริงหรือไม่แล้วทำไมถึงไม่ปลอดภัย

แป้งทัลคัมที่เราเห็นอันตรายจริงหรือไม่แล้วทำไมถึงไม่ปลอดภัย

แป้งทัลคัมที่เราเห็นอันตรายจริงหรือไม่แล้วทำไมถึงไม่ปลอดภัย ทัลคัมคืออะไร ทัลก์ (Talc) เป็นแร่ธาตุที่พบได้ทั่วไปทุกแห่งบนโลก โดยในประเทศไทย พบมากในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และจันทรบุรี ซึ่งมีวิถีการขุดเช่นเดียวกับแร่ชนิดอื่น แล้วนำมาบดหยาบเพื่อคัดเลือกเกรดของแร่ โดยส่วนที่มีคุณภาพมากที่สุดจะนำมาเข้าสู่อุตสหกรรมการผลิตแป้ง โดยการโม่ให้เป็นผง และทำการทดสอบความบริสุทธิ์ ก่อนนำมาวางขาย หรือเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่นต่อไป จนกลายเป็นแป้งทัลคัม (Talcum) หรือแป้งเด็กโรยตัวที่เรารู้จักกันดี เนื่องจากมีความอ่อนนุ่มสูงในรูปของผงละเอียด เป็นส่วนผสมที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีเมื่อรับประทานเข้าปาก หรือทาลงบนผิว ทำให้นิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมแป้งโรยตัว และเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด ที่ต้องอาศัยคุณสมบัติความเป็นผง จึงไม่แปลกใจที่เราจะพบทัลคัมได้ในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าใช้กันตั้งแต่เด็กยันโตเลยทีเดียว

ทัลคัมอันตรายส่วนผสมในแป้งเด็กที่พ่อแม่ควรระวังไว้ภัยใกล้ตัว

ทัลคัมอันตรายส่วนผสมในแป้งเด็กที่พ่อแม่ควรระวังไว้ภัยใกล้ตัว

ประวัติของทัลคัม

การใช้ทัลก์เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่มนุษย์รู้จักนำแร่ธาต่ขึ้นมาใช้ โดยพบหลักฐานว่า ชาวอียิปต์โบราณใช้ทัลก์ในด้านความงาม นอกจากนั้นชาวอัสซีเรียโบราณ (Assyrien) และชนพื้นเมืองในอเมริกา ได้นำทัลก์มาใช้หากหลายด้าน ต่อมาในศตวรรษที่ 19 มีการนำทัลก์มาใช้เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองผิว เนื่องจากพลาสเตอร์ยา อีกทั้งบรรเทาอาการผื่นผ้าอ้อม ที่มักเกิดกับทารกน้อยอีกด้วย และในปัจจุบันมีการนำทัลก์มาใช้ในด้านอุตสาหกรรมความงามทั่วโลก จนกลายเป็นตำนานแป้งทัลคัมที่เราใช้กันอย่างแพร่หลาย

ทัลคัมในเครื่องสำอาง

ทัลก์ เป็นสารสำคัญในอุตสหกรรมผลิตแป้งโรยตัวด็ก หรือแป้งทัลคัม และเริ่มมีการนำเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางด้วยเป็นสารที่ให้ผลลัพธ์ในด้านการหล่อลื่น เนียนเรียบ ดูดซับความมัน ความชื้น แห้งสบาย และมีราคาไม่สูงมากนัก พบมากในเครื่องสำอางประเภทเนื้อฝุ่น เช่น แป้งตลับ บลัชออน อายแชโดว์ หากเราลองสังเกตด้านหลังของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะพบว่ามีคำว่า ทัลก์ (Talc) หรือ ทัลคัม (Talcum) เป็นส่วนประกอบ 

ทัลคัมกับการก่อมะเร็ง

สามาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาถึงผลข้างเคียงที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง แฃะพบว่า

  • มะเร็งรังไข่

จากการศึกษามีความหลากหลายมาก โดยการศึกษาบางส่วนคาดว่าแป้งทัลคัมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ หากผงแป้งเหล่านั้นเดินทางผ่านช่องคลอด มดลูก และท่อนำไปยังรังไข่ ไม่ว่าจะด้วยการทาแป้งทัลคัมบริเวณอวัยวะเพศ ติดไปกับถุงยางอนามัย หรือการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด บางส่วนพบว่าแป้งทัลคัมไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง แต่การศึกษาเหล่านี้ค่อนข้างมีความไม่เป็นกลาง เนื่องจากอาศัยกลุ่มตัวอย่างที่อาศัยความจำประวัติการใช้แป้งหลายปีก่อน แต่สถาบันแห่งนี้ให้คำแนะนำความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่มีสาเหตุมาจากเจ้าทัลคัมนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาต่อไป

  • มะเร็งปอด

มีการศึกษบางเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบของเจ้าทัลคัมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวพบว่าการใขช้แป้งโรยตัวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของทัลคัมไม่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปอดแต่อย่างใด 

  • มะเร็งชนิดอื่น

นอกจากมะเร็งรังไข่ และมะเร็งปอดแล้ว ยังมีการสันนิษฐานว่าเจ้าแป้งทัลคัมตัวนี้เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาหรือหลักฐานที่เพียงพอจะยืนยันข้อสงสัยดังกล่าวในขณะนี้ 

ทัลคัมกับโรคอื่น

แม้ว่าทัลคัมค่อนข้างจะมีอัตราความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งต่ำมากๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ เพราะการสูดดมทัลคัมเป็นระยะเวลายาวนานมากๆ อาจทำให้ทัลคัมจับตัวกันเป็นก้อนภายในปอดหรือหลอดลม เป็นสิ่งกีดขวางระบบหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อาจทำให้หายใจไม่ออก ปอดอักเสบ หรอืพัฒนาเป็นเนื้องอกในปอดจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เหมือนกันนะ ดังนั้น ถ้าเป็คุณแม่ที่มีลูกเล็ก อาจเลี่ยงการใช้ผลิตภัณ์ที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าว น่าจะเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยที่ดีที่สุด 

ทัลคัมใช้ได้ไหม

หากยึดจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้ว ต้องขอบอกว่าแป้งทัลคัมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของทัลคัม ยังคงปลอดภัยต่อเรา และยังสามารถใช้ได้ แม้ว่าการศึกษาจะระบุว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่เล็กน้อยเท่านั้น หากเจ้าสารตัวนี้หลุดเข้าไปภายในอวัยวะเพศ แต่การใช้เพียงเพื่อการทาภายนอก หรือแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ก็ยังคงถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่หากสาวๆ ยังคงกับวลกับปัญหาดังกล่าว ในปัจจุบันมีทางเลือกมากมายที่ผลิตขึ้นมาตอบโจทย์ อย่างการใช้แป้งจากพืชธรรมชาติ หรือการใช้เครื่องสำอางแบบออร์แกนิค  ก็ขึ้นอยู่กับสาวๆ แล้วล่ะว่า จะตัดสินใจให้เจ้าทัลคัมเป็นเพื่อนซี้ความสวยต่อไปหรือไม่

ในปัจจุบันนี้แป้งเด็กทารกมีให้เลือกเยอะขึ้น ทั้งยังมีแป้งเด็กทางเลือกใหม่ให้เลือกใช้ ซึ่งแป้งเด็ก Reiscare เป็นแป้งเด็กออร์แกนิคทางเลือกใหม่ ที่ผลิตจากแป้งข้าวซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ โดยใช้นวัตกรรม Rice Starch ในการผลิตแทนการใช้ทัลคัมเพื่อให้ได้แป้งเด็กออร์แกนิคค่ะ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าแป้งเด็กที่ได้คือ 100% Talc-Free Made from Rice หรือก็คือแป้งเด็กที่ไม่มีทัลคัม 100 % ทำให้คุณแม่ส่วนใหญ่ไว้วางใจและเลือกใช้แป้งเด็ก 7-11 จาก Reiscare ค่ะ

อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในปี 2019 นี้ก็คือการเลือกใช้แป้งเด็กที่ไม่ทดลองกับสัตว์หรือแป้งเด็ก cruelty-free ซึ่งแป้งเด็ก Reiscare ได้ตระหนักถึงความสำคัญในข้อนี้มาก ๆ และผลิตภัณฑ์ของแป้งเด็ก Reiscare ทุกชิ้น เป็นแป้งเด็กที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์ 100 % คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่า แป้งเด็ก Reiscare ได้รับการยอมรับว่าเป็นแป้งเด็ก 2019 ที่เกิดมาเพื่อปกป้องผิวเด็กทารกอย่างแท้จริงค่ะ

หากคุณแม่กำลังกังวลว่าแป้งเด็ก Reiscare จะหาซื้อได้ยาก หรือจะต้องไปหาซื้อแป้งเด็กที่ไม่มีทัลคัมที่ห้างสรรพสินค้าอย่างเดียวไหม ก็หมดกังวลไปได้เลยค่ะ เพราะสามารถซื้อแป้งเด็ก Reiscare ได้แล้วที่ 7-ELEVEN ทุกสาขาค่ะ ซึ่งแป้งเด็ก 7-11 ได้วางจำหน่ายแล้วนะคะ คุณพ่อคุณแม่สามารถไปหาซื้อแป้งเด็ก 7-11 กันได้ค่ะ โดยแป้งเด็ก 7-11 ที่วางจำหน่ายใน 7-ELEVEN ก็คือแป้งเด็ก Reiscare กลิ่น ฟลอรัลสวีท ขนาด 50 กรัม ซึ่งเป็นกลิ่นหอมดอกไม้อ่อน ๆ ที่เจ้าตัวเล็กหลงรักค่ะ

สนใจสามารถสั่งซื้อแป้งไร้ซแคร์ทาง Inbox FB คลิก

http://m.me/ReisCareBabyPowder/

สั่งซื้อทาง Line แอด Line ID :

https://line.me/R/ti/p/%40930ztntw

สามารถสั่งซื้อและชำระผ่านบัตรเครดิต หรือชำระปลายทาง (COD) ได้ที่

? Official Shop at Shopee คลิก

https://shp.ee/yyqfrw5

? Official Shop at Lazada คลิก

https://www.lazada.co.th/shop/reiscare/

รายชื่อร้านค้าชั้นนำที่จัดจำหน่ายแป้งไร้ซแคร์ตามภาคต่าง ๆ คลิก

https://bit.ly/2nQQh4U

 

ReisCare : 100% Talc-Free baby powder
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.